แชร์

การตรวจสอบถังลม (Air Receiver Tank) และภาชนะรับแรงดัน(Pressure Vessel)ตามกฎหมายไทย

อัพเดทล่าสุด: 13 ก.ย. 2025
121 ผู้เข้าชม
การตรวจสอบถังลม (Air Receiver Tank) และภาชนะรับแรงดันตามกฎหมายไทย

          ในโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ มักมีการใช้งานถังลม (Air Receiver Tank) หรือที่กฎหมายเรียกว่า ภาชนะรับแรงดัน (Pressure Vessel) เพื่อเก็บลมอัดและจ่ายเข้าสู่กระบวนการผลิต ถังลมถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบอัดอากาศ แต่หากไม่มีการตรวจสอบและทดสอบอย่างถูกต้อง อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ถังลมรั่ว, ถังลมระเบิด, การสิ้นเปลืองพลังงาน และการหยุดชะงักของสายการผลิตเนื่องจากปั๊มลมไม่สามารถสร้างแรงดันได้

ดังนั้น ภาครัฐจึงได้ออกกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและการใช้งานถังลม ได้แก่

1. กฎกระทรวงแรงงาน พ.ศ. 2564 กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ

  • ภาชนะรับความดัน (Pressure Vessel) หมายความว่า ภาชนะปิดที่มีความดันภายในภาชนะและภายนอกภาชนะแตกต่างกันมากกว่า 50 กิโลปาสคาลขึ้นไป (>0.5 bar) และให้หมายความรวมถึงถังปฏิกิริยา (reactor) แต่ไม่รวมถึงภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน
  • การทดสอบ หมายความว่า การตรวจสอบ ทดลอง และรับรองการใช้งานชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือกลไกการทำงานของอุปกรณ์เพื่อความถูกต้องและปลอดภัย โดยบุคคลซึ่งขึ้นทะเบียนตามมมาตรา 9 หรือนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 11 แล้วแต่กรณี
  • วิศวกร หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร
ข้อ 97 ระบุว่า ในการประกอบ การติดตั้ง การทดสอบ การใช้ การซ่อมแซม การบำรุรักษา การตรวจสอบหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะรับความดัน นายจ้างต้องปฏิบัติตามรายละเอียดคุณลักษณะของคู่มือการใช้งานตามประเภทที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ หากไม่มีรายละเอียดคุลักษณะและคู่มือการใช้งานดังกล่าว นายจ้างต้องดำเนินการให้วิศวกรเป็นผู้จัดทำรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานเป็นหนังสือ และต้องมีสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
 
ข้อ 113 ระบุว่า นายจ้างต้องจัดให้มีวิศวกรควบคุมการติดตั้งภาชนะรับความดันที่มีปริมาตรตั้งแต่ 1 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป (1,000 ลิตร) หรือมีความดันตั้งแต่ 500 กิโลปาสคาลขึ้นไป (> 5 bar) พร้อมทั้งจัดให้มีการทดสอบการใช้งานได้ตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานตามข้อ 97 และต้องมีสำเนาเอกสารการทดสอบไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
 
ข้อ 114 ระบุว่า นายจ้างต้องให้มีการทดสอบความปลอดภัยในภาชนะรับความดันที่มีปริมาตรตั้งแต่ 1 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป (1,000 ลิตร) หรือมีความดันตั้งแต่ 500 กิโลปาสคาลขึ้นไป (> 5 bar) ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานตามข้อ 97 และต้องมีสำเนาเอกสารการทดสอบไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
 
ข้อ 115 ระบุว่า นายจ้างต้องให้มีการทดสอบความปลอดภัยในภาชนะรับความดันที่มีปริมาตรตั้งแต่ 1 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป (1,000 ลิตร) หรือมีความดันตั้งแต่ 500 กิโลปาสคาลขึ้นไป (> 5 bar) โดยการตรวจพินิจด้วยสายตาและการวัดความหนาโดยวิศวกรอย่างน้อย 5 ปีต่อ 1 ครั้ง และต้องมีสำเนาเอกสารการทดสอบไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
 


2. กฎกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2549 กำหนดมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และภาชนะรับแรงดันในโรงงาน (มาตรฐานภาชนะรับแรงดัน)

1. ภาชนะรับแรงดัน (Pressure Vessel) หมายความว่า ภาชนะปิดที่มีความดันภายในภาชนะและภายนอกภาชนะแตกต่างกันมากกว่า 1.5 เท่าของความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำทะเล และมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 103 มิลลิเมตร หรือ 2. ถังปฏิกิริยา (reactor)

ข้อ 13 ระบุว่า หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะรับแรงดันที่โครงสร้างรับแรงดันหรืออุปกรณ์ความปลอดภัยชำรุดไม่สามารถใช้งานได้ หรือไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานต้องหยุดการใช้งานทันทีและแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายในสิบวันนับจากวันที่พบการชำรุดเสียหาย
 
ข้อ 14 ระบุว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่มีการใช้หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะรับแรงดัน ต้องจัดให้มีการตรวจสอบหรือทดสอบความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
 
ข้อ 15 ระบุว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่มีการใช้หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะรับแรงดัน ต้องจัดส่งรายงานผลการตรวจสอบความปลอดภัยให้กรมโรงานอุตสาหกรรมทราบภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ทำการตรวจสอบหรือทดสอบความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
 
 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ถังลมต้องตรวจสอบทุกกี่ปี?

คำตอบ. ต้องตรวจสอบสภาพการใช้งานประจำ และอย่างน้อยทุก 5 ปี ต้องมีการตรวจสอบโดยวิศวกรควบคุม

2. ถังแรงดันแตกเกิดจากอะไร?
คำตอบ. เกิดจากการไม่ตรวจสอบความหนา, การกัดกร่อน, ความดันเกินกว่าที่ออกแบบ หรือไม่มีการทดสอบตามกฎหมาย

3. ใครคือผู้มีอำนาจตรวจสอบถังลม?
คำตอบ. ต้องเป็น วิศวกรควบคุม หรือ นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมาย

4. มาตรฐานถังลมที่ใช้คืออะไร?
คำตอบ. ส่วนใหญ่ใช้มาตรฐาน ASME Section VIII ซึ่งเป็นที่ยอมรับสากล

5. จะตรวจสอบแบบใดดี ระหว่าง Visual Check & Thickness Test และ Visual Check & Thickness Test & Hydrostatic Test Test?
คำตอบ. ไม่มีกฏหมายตายตัวในเรื่องนี้ แต่หากอ้างอิงกฎกระทรวงแรงงาน สามารถตอบได้ว่าต้องดำเนินการตามเอกสารคู่มือของถังลมใบนั้นๆ แต่ทาง Advance Tech 1964 เราแนะนำว่า หากถังลมมีอายุไม่เกิน 5 ปี สามารถใช้วิธี Visual Check & Thickness Test ได้ แต่หากถังลมมีอายุมากกว่า 5 ปีแนะนำให้ใช้วิธีการตรวจสอบแบบ Hydrostatic Test

6. ต้องหยุดลมหรือไม่?
คำตอบ. การตรวจสอบแบบ Visual Check & Thickness Test ไม่จำเป็นต้องหยุดลม

7. การตรวจแบบ Hydrostatic Test จำเป็นต้องหยุดลมนานเท่าไหร่?
คำตอบ. 7.1. การตรวจสอบแบบ Visual Check & Thickness Test ใช้เวลาประมาณ 30 60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของถังลม
7.2. การตรวจแบบ Hydrostatic Test ใช้เวลาประมาณ 2 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของถังลม ความแรงของน้ำ ระยะทางในการลากสายยางเติมน้ำ และระยะทางในการลากสายยางปล่อยน้ำทิ้ง
 
หากโรงงานของคุณต้องการตรวจสอบถังลมตามกฎหมาย ติดต่อ Advance Tech 1964 เพื่อขอใบเสนอราคาได้เลยครับ
   088-982-3340
   Email: info@advancetech1964.co.th
   www.advancetech1964.com
 
 

บทความที่เกี่ยวข้อง
8 วิธีลดค่าใช้จ่ายในระบบอัดอากาศ
การใช้งานเครื่องอัดอากาศในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วขึ้น ปั๊มลมกินไฟมากขึ้น และส่งผลให้ต้องซ่อมบำรุงบ่อยขึ้น เกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้โรงงานของคุณ Advance tech 1964 มี 8 วิธีที่จะช่วยให้โรงงานของคุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในระบบอัดอากาศได้ ดังนี้
26 มี.ค. 2025
หน้าที่ ของ Air receiver Tank
ช่วยลดปริมาณความชื้นที่อยู่ในลมอัด และช่วยขจัดฝุ่นละออง, น้ำมัน เช่น น้ำมันที่ใช้ในการล่อลื่น Compressor ที่ติดมาในลมอัด จะมีโอกาสตกลงสู่ก้นถัง รวมถีงพวกฝุ่นละอองต่างๆ จะได้มีโอกาสระบายออกจากลมอัด
23 ก.ค. 2024
ข้อดีของการใช้งานปั๊มน้ำร่วมกับถังน้ำ
จริงๆแล้ว ระบบปั๊มน้ำไม่จำเป็นต้องมีถังน้ำเสมอไป แต่การใช้งานปั๊มน้ำร่วมกับถังน้ำนั้นมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
23 ก.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy